Single Sign-On (SSO) คือ กลไกหรือระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าสู่แอปพลิเคชันหลาย ๆ ระบบหรือบริการด้วยการยืนยันตัวตนเพียงครั้งเดียว โดยทั่วไปแล้ว SSO จะใช้ระบบการรับรองตัวตนเช่นรหัสผ่านหรือการตรวจสอบเอกสารประจำตัวเพื่ออนุมัติการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบ SSO นั้น ๆ โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่เข้าสู่แอปพลิเคชันแต่ละรายการ

ข้อดีของ Single Sign-On (SSO) ได้แก่: ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบหลาย ๆ แอปพลิเคชันโดยใช้ข้อมูลการยืนยันตัวตนเดียว ไม่ต้องจดจำรหัสผ่านหลายรหัส รวมถึง การลดความซับซ้อนในการจัดการรหัสผ่านและการลงชื่อเข้าสู่แอปพลิเคชันที่แตกต่างกันอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนและบำรุงรักษาระบบรักษาความปลอดภัย

ตัวอย่างเหตุการณ์จริงเพื่อเข้าใจว่า Single Sign-On (SSO) คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร

สมมติว่าคุณทำงานในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งมีระบบหลายระบบที่คุณต้องใช้ในการทำงานประจำวัน เช่น:

1. ระบบ SOS : คุณต้องใช้ระบบสนับสนุนการปฏิบัติงาน หรือระบบงานบริการวิชาการ

2. ระบบ SSS : คุณต้องใช้ระบบนี้เพื่องานทะเบียนและวัดผล

3. ระบบ DSS : คุณต้องใช้ระบบนี้สำหรับสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร

โดยปกติแล้ว ถ้าไม่มีระบบ Single Sign-On (SSO) คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบ sos ,sss , dss ด้วยรหัสผ่านและบัญชีผู้ใช้แยกจากกันทุกครั้งที่คุณต้องการเข้าถึงระบบ sos ,sss , dss นี่อาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อคุณต้องทำงานในหลายๆ ระบบต่อวัน

แต่ถ้ามีระบบ Single Sign-On (SSO) คุณสามารถจะเข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียว เมื่อคุณลงชื่อเข้าสู่ระบบครั้งแรกของวัน หลังจากนั้นระบบ Single Sign-On (SSO) จะจดจำรายละเอียดการยืนยันตัวตนของคุณ และเข้าใช้ระบบทั้งหมดให้คุณโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านเพิ่มเติม นี่คือความสะดวกสบายของ Single Sign-On (SSO) 

ดังนั้น SSO เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ ในองค์กรของคุณ มันช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้ ของคุณในการปฏิบัติงาน